MAKE MORE OF YOUR CITY

‘Siri House’ Lifestyle Hub ที่เหล่า ‘เออร์เบินนิสต้า’ กำลังอิน คือจุดเช็คอินแรกของทริปนี้ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งโปรเจ็คท์ของ “แสนสิริ” ใช้บ้านเก่าคลาสสิค ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี ในบรรยากาศสุดร่มรื่น มาปรับโฉมใหม่ให้เป็นจุดนัดพบของคนรักเสียงเพลง ศิลปะ วัฒนธรรม และอาหารการกิน  

สุดฯ ไปแอบส่องช่องเก็บของใต้เบาะของพาหนะคู่ใจฟรอยด์ แล้วก็เซอร์ไพรส์ว่าใส่ของได้เยอะม้ากกกในช่องเก็บหมวกกันน๊อก Flexcase มีทั้งช่องเก็บหมวกกันน็อก และยังเก็บเป้ที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าของฟรอยด์ได้แบบสบายๆ ช่างเป็นบัดดี้ที่ตอบได้ทุกโจทย์ในชีวิตประจำวันสุดๆ นี่ถ้าไม่กลับบ้านก็อยู่ได้ไม่ลำบากเลยนะฟรอยด์

ฟรอยด์พาเดินเล่นภายในโครงการ พบว่ามี2โซนที่ต้องมาอย่าได้พลาดโซนแรกคือ café &dining ที่หากใครอยากตามรอย ก็สามารถมานั่งชิลยามเช้าหรือนัดคุยงานในช่วงบ่ายได้ที่ Luka café คาเฟ่ชื่อดังจากถนนปั้นเสิร์ฟกาแฟ – อาหารเช้า และอาหารสไตล์ยุโรป พร้อมมีเมนูพิเศษมาชิมได้เฉพาะสาขานี้เท่านั้น แต่ถ้าใครสะดวกมาสังสรรค์กับเพื่อนๆ ในช่วงเย็นแนะนำร้าน Quince ที่จัดจ้านเรื่องเนื้อและซีฟู้ด ปรุงแบบอบ ย่าง และรมควัน  หรือถ้าอยากอยู่ปาร์ตี้ต่อ ขอให้ขึ้นไปที่ Jacqueline ค็อกเทลบาร์ที่มีกลิ่นอายอเมริกันและความโมเดิร์นผสมเฟมินิสต์แสนเก๋

อีกโซนคือ Collective Market ที่อยู่ในบริเวณ Luka café มีมุมหนังสือของร้าน The Booksmith ร้านดอกไม้ Heart of Siri และร้านขายแผ่นเสียง Olympic Digger ใครถูกจริตงานอดิเรกแบบไหน ก็เข้าไปเยี่ยมชมตามชอบได้เลย ส่วนฟรอยด์สุดฯ พูดเลยว่าดูจะอินกับทุกมุม!

นี่ขนาดเพิ่งหัวค่ำ แต่โซนสตรีทฟู้ดย่านเยาวราชก็เต็มไปด้วยสีสันทั้งจากเหล่านักชิมและบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเจ้าอร่อย ฟรอยด์ตรงไปที่ร้านหอยนางรมเจ้าเด็ด Sea Bah Bar ที่เพื่อนเคยมากินแล้วกลับไปเพ้อให้ฟังว่าสดใหญ่ราคาเป็นมิตรติดใจสุดๆ ต่อด้วย เต้าทึงเย็น น้ำส้มคั้นสด และอีกสารพัดสตรีทฟู้ดรายทาง พร้อมกับความมุ่งมั่นจะไปต่อแถวซื้อ “ขนมปังเจ้าอร่อยเด็ดเยาวราช”จนสุดฯ ต้องเตือนให้ดูนาฬิกาอีกครั้ง สรุปว่าแฟนคลับที่ต่อแถวอยู่ด้วยคงสงสาร แบ่งขนมที่ซื้อมาให้ฟรอยด์ชิมบ้าง น่าเอ็นดู๊วว์

เลือกที่นั่งมุมสบายๆ ซัมซับบรรยากาศรื่นรมย์สไตล์หว่องกาไวเพียงลำพัง สั่ง The Mistress ม็อคเทลสูตรพิเศษไร้แอลกอฮอลล์ของทางร้านมาจิบหล่อๆ สุดฯ สัมผัสได้ถึงอารมณ์กำลังสบายอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวของฟรอยด์ เลยปล่อยให้นั่งชิลเพลินๆ ไม่ชวนคุยอะไรเยอะ ต้องยอมรับเลยว่า บรรยากาศของที่นี่มีความน่าตื่นเต้นตั้งแต่การค้นหาพิกัดร้านที่แม้จะไม่ได้อยู่ในซอกลึกลับ แต่ความกลมกลืนกับอาคารในย่านที่อดีตเคยเป็นแหล่งขายยาสมุนไพรจีนเลื่องชื่อย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ ก็ส่งเสริมให้บรรยากาศภายในร้านดูมีสไตล์เฉพาะตัว และคลาสสิคแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น

ดูฟรอยด์จะชิลและอินกับย่านเก่าไชน่าทาวน์แบบที่สุดเข้าเสียแล้ว เพราะก่อนเดินทางไปจุดหมายต่อไป เราเห็นฟรอยด์โทรศัพท์บอกแม่ว่าวันนี้จะไม่กลับบ้าน แล้วนางไม่ได้จอดรถคุยนะจ๊ะ นางใช้ฟังก์ชั่น BMW ConnectedRide ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับหมวกกันน็อกแล้วแสดงผลผ่านหน้าจออีกที ลูกปลอดภัยหายห่วงนะจ๊ะแม่

จุดหมายต่อไปของฟรอยด์ สุดฯ พูดเลยว่างงเส้นทางหนักมากชนิดที่ถ้าให้มาเองอีกที ต้องมีงงชัวร์ๆ โดยจากซอยนานา ลัดเลาะไปที่ซอยวานิช ย่านสำเพ็ง แล้วเลี้ยวเข้าตรอก ออกตามซอก-ซอยแคบ ที่ดูยังไงก็เป็นชุมชนคนสำเพ็งพักอาศัย ไร้วี่แววของความมีสถานที่ที่นักเดินทางหรือนักท่องเที่ยวจะมาแวะเที่ยวเล่นได้เลยแม้แต่น้อย

แต่แล้วเราก็ได้มาถึงตรอกที่มีแสงไฟสลัวๆ มองเห็นธงชาติแขวนประดับไว้อย่างสวย ฟรอยด์ให้สัญญานว่าเรามาถึงจุดหมายแล้ว