MAKE MORE OF YOUR CITY

ถึงจะเคยมาเที่ยวเล่นในตลาดน้อยหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อ I love SSD ขอให้ฟรอยด์ – ณัฎฐพงษ์ ชาติพงษ์ พาไปเที่ยวด้วยกันหน่อย ฟรอยด์ก็ยังเลือกที่นี่เป็นโลเกชั่นวันชิล ซึ่งทางสุดฯ ก็แอบกลัวว่าจะซ้ำรอยเที่ยวเดิมๆ ไหม ฟรอยด์รีบตอบเลยว่าไม่ เพราะครั้งนี้จะเขาอาสาพาเอ็นเตอร์เทนในสไตล์ #ฟรอยด์ซอยเปลี่ยว เที่ยวลัดเลาะตรอกซอกซอย แบบที่ถ้าเดินไปก็เก็บไม่หมด ขับรถมาก็หาที่จอดยาก ว่าแล้วก็กระโดดซ้อนมอเตอร์ไซค์เฟี้ยวๆ ไปเที่ยวด้วยกันเลยจ้า

กว่าจะได้กะหรี่ปั๊บและทักทายแฟนคลับระดับสว.ของฟรอยด์ ก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ว่าแล้วก็บิดมอเตอร์ไซค์เข้าซอยเจริญกรุง 24 สุดคับคั่งจอแจ จนมาเจอกับ “ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก” ก็เลี้ยวเข้าตรอกสุดแคบอย่างคล่องแคล่ว แต่แล้วก็ต้องแตะเบรคแวะจอดอัพรูปเช็คอินกับ   Wall Street Art หรืองานศิลปะบนกำแพง ที่สะท้อนวีถีชีวิต และประวัติศาสตร์ของชาวชุมชนตลาดน้อย ที่มีทั้งทั้งคนไทย จีนฮกเกี้ยน และจีนแคะ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานับร้อยปี งานนี้ได้ภาพอัพไอจี พร้อมเริ่มต้นการเช็คอิน @ ชุมชนตลาดน้อย สมใจฟรอยด์เขาเลยค่ะ

ฟรอยด์เล่าให้สุดฯ ฟังว่า เหตุที่เรียกว่าศาลเจ้าโรงเกือก ก็เพราะสมัยก่อนละแวกนี้เคยเป็นที่ทำรองเท้ามาก่อน โดยอ้างอิงจากนิราศของนายบุศย์ซึ่งแต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่กล่าวถึงศาลเจ้าแห่งนี้ว่า

.... ถึงศาลเจ้าโรงเกือกเป็นชื่อตรอก

ถามเขาบอกให้ฟังคิดกังขา

ไหนองค์อารักษ์อันศักดา

มีสมญารองเท้าเป็นเจ้านาย

พอนึกได้เขาบอกว่าตรอกนี้

เดิมโรงมีแถวเทือกเย็บเกือกขาย

จึงตั้งชื่อลืออยู่ไม่รู้วาย

ถึงหยาบคายเป็นนามตามตำบล

องค์ไทยด้าวอารักษ์ที่ศักดิ์สิทธิ์

ฉันอุทิศขอถวายฝ่ายกุศล

ช่วยคุ้มครองป้องกันพาลประจญ

เล่าจบก็ทำเอาทุกคนอึ้งทึ่งกับภูมิรู้นี้ ปรบมือให้ไปรัวรัว ซึ่งก็ดูเกือบจะเนียนดีแล้ว ถ้าไม่บังเอิญมีทีมงานไปเห็นป้ายข้อมูลดังกล่าว ที่ติดอยู่หน้าทางเข้าศาลนะคะฟรอยด์!!!

แนะนำเลยว่าใครที่ไม่เคยมาต้องอย่าพลาด ขนาดฟรอยด์ที่เคยมาแล้ว ยังบอกว่าประทับใจกับความคลาสสิคสไตล์คฤหาสน์ของเศรษฐีชาวจีนอายุกว่าร้อยปี  มีสระน้ำลึกบริเวณกลางบ้าน ที่เปิดเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2547 ส่วนมุมต่างๆ ในตัวอาคาร เจ้าของสถานที่ก็เปิดให้ผู้มาเยือนได้นั่งจิบกาแฟกินขนมสูตรโฮมเมด เพื่อนำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลความสะอาด และให้บ้านยังคงเปิดให้เข้าชมแบบนี้ต่อไปได้ สุดฯแนะนำเลยว่า ลาเต้เย็น ชาเย็นที่นี่อร่อย ส่วนขนมขอให้สั่ง เค้กส้ม และพายบูลเบอร์รี่มาลอง จะรู้เลยว่าเขาใช้วัตถุดิบชั้นดี ไม่หวานเลี่ยน กินได้เพลินๆ เผลอสั่งเพิ่มได้ไม่รู้ตัว  แบบที่ฟรอยด์เองก็เป็น #สั่งเบิ้ลวนไปครัช

นอกจากได้เข้ามาสัมผัสกับวิถีชุมชมตลาดน้อยแบบดั้งเดิมแล้ว ฟรอยด์ยังอยากให้เราเห็นอีกมุมของชุมชนตลาดน้อย ที่มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนจากการอยู่อาศัยแบบเดิมๆ มาสู่การเปลี่ยนแปลงจากผู้คนภายนอก ที่มีความเคารพวิถีชุมชน  โดย "คุณจิ๊บ"  Mr.Florian Gypser  สถาปนิกและนักออกแบบจิวเวลรี่ จากประเทศออสเตรีย และ “คุณก้อย” ภรรยาชาวไทย ได้เข้ามารีโนเวตบ้านเก่าของนักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน  ให้กลายเป็นสถานที่แฮงค์เอ้าท์และรวบรวมงานศิลปะหลากหลายแขนง อีกทั้งยังมีแปลงผักปลอดสารพิษและอาหารออร์แกนิค ไว้คอยบริการ โดยตั้งชื่อง่ายๆ ตามภูมิสภาพของพื้นที่คือ “บ้านริมน้ำ”

และคงเพราะคุยกันถูกคอ คุณจิ๊บจึงชวนฟรอยด์ขึ้นไปชั้นบนของอาคาร ที่ไม่เคยให้ใครได้ขึ้นไปถ่ายทำมาก่อน เป็นบริเวณที่พักคนงานเดิมสมัยที่เป็นโกดังเก็บสินค้า แต่ด้วยรายละเอียดตามสภาพเดิมของอาคาร ที่ยังมีความสวยคลาสสิค จนฟรอยด์แอบเชียร์ให้ทำเป็นห้องพักสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสวิถีความเป็นอยู่ของชาวชุมชนตลาดน้อย ได้มีโอกาสมาซึมซับประสบการณ์ที่น่าจดจำแบบนี้บ้าง ซึ่งคุณจิ๊บก็ดูจะเห็นดีด้วย ฉะนั้นอดใจรออีกไม่นาน ที่นี่อาจจะมีโซนใหม่ให้มาเยี่ยมชม

กินอาหารอร่อย ชิลบรรยาศริมน้ำกันเต็มที่ จนได้เวลาปิดรายการ จากนั้นฟรอยด์ก็ขอตัวพาบัดดี้สองล้อคู่ใจ ไปลัดเลาะในตรอกซอกซอยต่อ คืออยู่ด้วยกันมาทั้งวัน ความผูกพันก็เริ่มแน่นแฟ้นมากขึ้น จนต้องนัดให้พาไปเที่ยวต่ออีกสักย่านสองย่าน